top of page

ทำไมโรงแรมต้อง 1 - 5 ดาว

อัปเดตเมื่อ 1 ต.ค. 2565

ถ้าให้เลือกได้ใครๆ ก็คงอยากพักในโรงแรมหรูๆ ในเรท 4-5 ดาว เพราะสถานและบริการที่จะได้รับกคงจะดีกว่า แต่เราเคยสงสัยไหม ว่าโรงแรมเหล่านี้เขาใช้อะไรเป็นตัวกำหนดในการแบ่งดาวให้โรงแรม และใครที่ริเริ่มในการใช้ดาวเป็นสัญญาลักษณ์




ทำไมถึงต้องมีระดับดาว?

ประเทศที่เริ่มใช้สัญลักษณ์รูปดาวเป็นครั้งแรก คือ ประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส ประเทศเหล่านี้บุกเบิกการทำธุรกิจที่พัก ทำให้หน่วยงานภาครัฐ มีมาตรการในการจัดระเบียบเพื่อแยกประเภทตามมาตรฐานการบริการ หลังจากนั้น เมื่อประเทศอื่นทำธุรกิจที่พักเช่นเดียวกันก็ยังคงใช้สัญลักษณ์รูปดาว 1-5 ดวง เพื่อให้เห็นความแตกต่างของระดับการบริการได้อย่างชัดเจน


ปัจจัยที่นำมาใช้พิจารณาตัดสินมาตรฐานโรงแรม


- สภาพทางกายภาพ เช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม เป็นต้น

- การก่อสร้าง เช่น โครงสร้างกายภาพของโรงแรม ระบบในโรงแรม การเลือกใช้วัสดุ และระบบความ ปลอดภัย

- สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เข้าพัก เช่น ของใช้ต่างๆ ที่จัดไว้ให้ อุปกรณ์และการตกแต่งห้องพัก

- คุณภาพการบริการ และการรักษาคุณภาพ เช่น บุคลิกภาพของพนักงานการบริการ ความสะอาด สุขอนามัย และชื่อ เสียงของโรงแรม

- การบำรุงรักษาโรงแรม ซึ่งหน่วยงานเอกชนไทย หรือ “สมาคมโรงแรมไทย และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)" ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดตั้ง มูลนิธิพัฒนามาตรฐาน และบุคลากรในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว จัดตั้งเป็นองค์กรกลาง และได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยทางมูลนิธิจะเข้าตรวจสอบการจัด ระเบียบโรงแรมไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน


*ซึ่งโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน “ดาว” จะมีอายุ 3 ปี และโรงแรมสามารถต่ออายุมาตรฐานดาวได้ โดยการเสียค่าธรรมเนียมรายปี




มาตรฐานโรงแรมระดับ 1 ดาว

โรงแรมจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป เช่น ห้องพักต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 10 ตารางเมตร พร้อมเตียงขนาด 3 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง ถังขยะ โต๊ะ เก้าอี้ ห้องน้ำต้องมีผ้าเช็ดตัว และกระดาษชำระไว้บริการ รวมไปถึงเรื่องความสะอาด และความปลอดภัยที่ต้องมีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว



มาตรฐานโรงแรมระดับ 2 ดาว






นอกเหนือจากสิ่งที่โรงแรมระดับ 1 ดาวมีแล้ว ห้องพักต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 14 ตารางเมตร พร้อมเตียงขนาด 3 ฟุต ภายในโรงแรมตกแต่งด้วยเฟอ์นิเจอร์ มีตาแมว มีโซ่คล้องประตู มีน้ำดื่ม โทรทัศน์ขนาด 14 นิ้วขึ้นไป และโทรศัพท์ติดต่อภายใน ห้องน้ำเป็นแบบชักโครก เป็นต้น





มาตรฐานโรงแรมระดับ 3 ดาว




สิ่งที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 2 ดาว ได้แก่ ขนาดห้องพักไม่เล็กกว่า 18 ตารางเมตร โทรทัศน์ 14 นิ้วพร้อมรีโมทคอนโทรล ภายในห้องประกอบด้วยตู้เสื้อผ้า ไฟหัวเตียง แก้วน้ำ ภายในห้องน้ำมีระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น มีสบู่ หมวกอาบน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และภายในโรงแรมประกอบด้วยรูมเซอร์วิส คอฟฟี่ช็อป มีห้องประชุมจัดเลี้ยง ห้องน้ำสาธารณะ และห้องน้ำคนพิการ







มาตรฐานโรงแรมระดับ 4 ดาว

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีในระดับ 3 ดาว แล้ว ห้องพักจะต้องกว้างกว่า 24 ตารางเมตร เตียงมีขนาดไม่น้อยกว่า 3.5 ฟุต โทรทัศน์ 20 นิ้วขึ้นไป มีช่องรายการมากกว่า 8 ช่อง มีตู้เย็น มินิบาร์ กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า พร้อมชา,กาแฟ มีเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ โทรศัพท์ที่สามารถโทรใน/ต่างประเทศได้โดยตรง ภายในห้องน้ำ มีทั้งครีมอาบน้ำ แชมพู ผ้าเช็ดมือ ชุด Sewing kit(อุปกรณ์เย็บผ้าพกพา) ไดร์เป่าผม ปลั๊กไฟสำหรับโกนหนวด และต้องมีการตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม นอกจากนี้ยังมีห้องอาหาร ห้องฟิตเนสที่มีเครื่องออกกำลังกายไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด มีห้องอบไอน้ำ ห้องนวด(Spa) สระว่ายน้ำ ห้องประชุมใหญ่ และห้องประชุมย่อยอีกไม่น้อยกว่า 2 ห้อง มีระบบตรวจเช็ค และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบถ้วน






มาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว

รวมทั้ง 4 ระดับดาวเข้าด้วยกัน แล้วเพิ่มการตกแต่งสถานที่ให้สวยงามทั้งภายใน และภายนอก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การบริการน่าประทับใจ ห้องพักมีขนาดไม่เล็กกว่า 30 ตารางเมตร มีเตียงขนาดไม่น้อยกว่า 4 ฟุต โทรทัศน์ขนาด 20 นิ้วขึ้นไปพร้อมรีโมทคอนโทรล มีห้องน้ำขนาดใหญ่ มีเครื่องชั่งน้ำหนัก อุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำครบถ้วน มีห้องอบไอน้ำ อ่างจากุชชี่ ห้องนวด (Spa) สระว่ายน้ำ ห้องประชุมใหญ่ที่มีอุปกรณ์ครบถ้วน และห้องประชุมย่อยไม่ต่ำกว่า 4 ห้อง นอกจากนี้ยังต้องมีห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายไม่น้อยกว่า 7 ชนิด และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย


 

ขอบคุณข้อมูลจาก SMART FINDER



THCL Academy เปิดสอนหลักสูตรงานบริการ รวมถึงหลักสูตรอื่นๆ สำหรับผู้ที่สนใจทำงานบนเรือสำราญและโรงแรม 4-5 ดาว เปิดรับสมัครแล้ววันนี้


สนใจดูรายละเอียดและค่าใช้จ่ายหลักสูตร

เพิ่มเติมได้ที่ 👉 www.thclacademy.com

หรือโทรสอบถาม 061 247 6464

Line @THCLacademy

หรือ Inbox มาที่เพจ THCL Academy



bottom of page